วันที่13กุมภาพันธ์ 2552วันนี้เป็นสุดท้ายที่มีการเรียนการสอนวิชานี้ อาจารย์ได้สรุปดังนี้ แนวคิดพื้นฐานของการสอนภาษา - ครูจะต้องทราบว่าเด็กของเราเรียนรู้ - เชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ - เด็กจะเรียนได้ดีที่สุด ถ้าเราสอนแบบ Whoe Language คือ . สอนอย่างเป็นธรรมชาติ . สอนอย่างมีความหมายต่อเด็ก เช่น เริ่มจากคำศัพท์ที่เด็กรู้จัก คุ้นเคย . สอนให้เด็กสามารถนำ - เด็กจะเรียนรู้ได้ดีทีสุดมาจากการตัดสินใจ นั่นหมายถึงพร้อมที่จะรับรู้ในสิ่งที่เด็กอยากรู้ ครูจะต้องทำอย่างไรให้เด็กอยากจะเรียนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด - ไม่ให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแข่งขัน - ครูต้องสอนทักษะไปพร้อมๆกันและเกี่ยวข้องกัน เพราะดีที่สุกคือการสอนบนพื้นฐานของธรรมชาติ - ครูจะต้องทำให้เรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจสนุกสนาน เช่น สื่อ เทคนิคการสอน วิธีการสอน เป็นต้น ควรสอนภาษาเด็กอย่างไร - เริ่ม - การประเมินโดยการสังเกต ควรที่จะมีแบบสังเกต . สามารถจำเนื้อเรื่อง . สามารถเข้าใจความหมาย บอกซ้ำ เล่าได้ - เสนอความคิดต่อผู้ปกครอง - ทำอย่างไรพ่อแม่จึงจะเข้าใจวิธีที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกได้ - ส่งเสริมให้เด้กเรียนอย่างกระตือรือร้น- สร้างความรู้สึกประสบความสำเร็จ ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ - อ่านให้เด็กฟังจากหลายๆแหล่งเช่น นิทาน บทความ รายการอาหาร- จัดประสบการณ์อ่าน และส่งเสริลงมือกระทำ - ส่งเสริมให้เด็กกล้าลองผิด ถูก- พัฒนาทางด้านจิตพิสัย และให้เด็กรู้สึกรักในภาษา ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการพูด - อธิบายถึงภาพที่เห็น - ทำท่าประกอบการพูด - เล่านิทาน - ลำดับเรื่องตามนิทาน - เรียกชื่อตามนิทาน คือ ตัวละคร - เรียกชื่อและอธิบายสิ่งของ- จำและอธิบายสิ่งของ - อธิบายขนาดและสี ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และเขียน - พ่อแม่ให้เด็กสังเกต- ชักชวนลูกให้อ่านเครื่องหมายจราจร - ชักชวนให้ลุกอ่านหนังสือพิมพ์ - ชักชวนให้เขียนคำอธิบายภาพของครอบครัวและบันทึกคำพูดของลูก - เขียนส่วนผสมอานหารและลองปรุง - ให้เด็กรู้จักการเขียน เช่น เขียนโน้ต - ให้ลูกมีส่วนร่วมในการอ่านจดหมาย - จดรายการส่งของ การฟัง - ฟังประกอบหุ่น - ฟังและแยกเสยง - ฟังเยงคำคล้องจอง - ฟังอย่างสร้างสรรค์และวิจารย์ - ฟังแล้วทำตามคำสั่ง ขั้นตอนการอ่านและการเขียน ขั้นที่1 - คาดเดาภาษาหนังสือ - แก้ไขความผิดพลาดของความหมายด้วยตนเอง - พยายามใช้ประสบกาณณ์จากการพุดกลับมาเป็นภาษาที่ใช้อ่าน ขั้นที่2 - แก้ไขข้อผิดพลาดในประโยคด้วยตนเอง - ตระหนักว่าตัวหนังสือมีความคงที่ - สามารถชี้บอกคำที่เหมือนกันกันซึ่งอยู่ในหน้าเดียวกัน - สามารถมองตามตัวอัการบนแผ่นกระดาขนาดใหญ่ได้ ขั้นที่3 - จำคำที่คุ้นเคย - คาดคะเนความหมายจากบริบท -ใช้วิการอ่านไปในทิศทางเดียวกันจนเป็นนิสัย -สามารระบุบอกชื่อตัวอักษรได้เกือบหมด ขั้นที่4 - เข้าใจเกี่ยวกับ "การเริ่มต้น" และการลงท้าย เมื่อนำมาใช้ในการเดา -ใช้เสียงช่วงต้นของคำในการเดาคำใหม่ เช่น ก กก ก กระดาษ ก กระดาน -ใช้คำที่รู้มาแต่งประโยช์ ขั้นที่5 -ใช้เสียนงเริ่มต้นและเสียงควบกล้ำ-สามารรู้ได้ว่าคำประบด้วยตัวอะไรบ้าง การเขียน ขั้นที่ 1 -ขีดเขี่ย ขั้นที่2 - เส้นเริ่มยาว ขั้นที่3 - เขียนเป็นรูปร่างแต่ไม่เป็นตัวอักษร ขั้นที่4 - เขียนตัวอักษรและสัญลักษณ์ ขั้นที่5 - เขียนตัวสะกด ดิฉันจะนำความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาวิชานี้ไปประยุกต์ใช้ในการสอนในอนาคตให้ได้อย่างดีค่ะ
สื่อการจัดประสบการณ์ทางด้านภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
สื่อการจัดประสบการณ์ทางด้านภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย โดยวิธีการทำสื่อง่ายจากปฏิทินที่ใช้แล้วมาเพิ่มเติมสีสันสวยงามและความรู้ทางภาษาของหน่วยต่างๆก็มีคุณค่าสำหรับเด็กๆแล้วค่ะ
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552
สรุป
เทคนิคการสอนภาษา
การฟังและการการพูดเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเองจากเด็กได้ง่ายๆ
แนวคิดพื้นฐาน
1.ต้องรู้ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
2.ประสบการณืทางภาษาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
3.เชื่อว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้
4.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้าสอนเเบ whole Language
5.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีถ้าได้ตัดสินใจด้วยตนเอง
6.ให้เด็กรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
7.ไม่ให้เด็กรู้สึว่าถูกเเข็งขัน
8.ครูต้องสอนทักษะไปพร้อมๆกัน
9.ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการพูด
- อธิบายหรือเล่าถึงภาพที่เห็น
-ทำท่าทางประกอบการพูด
-เล่านิทาน
-ลำดับเรื่องตามนิน
-เรียงชื่อตามนิทาน
-เรียกชื่อและอธิบายลักษณะสิ่งของ
-จำและอธิบายสิ่งของ
-อธิบายขนาดและสีของสิ่งของ
ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการฟัง
- ฟังประกอบหุ่น
-ฟังและเเยกเสียง
-ฟังเสียงคำคล้องจอง
การฟังและการการพูดเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเองจากเด็กได้ง่ายๆ
แนวคิดพื้นฐาน
1.ต้องรู้ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
2.ประสบการณืทางภาษาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
3.เชื่อว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้
4.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้าสอนเเบ whole Language
5.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีถ้าได้ตัดสินใจด้วยตนเอง
6.ให้เด็กรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
7.ไม่ให้เด็กรู้สึว่าถูกเเข็งขัน
8.ครูต้องสอนทักษะไปพร้อมๆกัน
9.ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการพูด
- อธิบายหรือเล่าถึงภาพที่เห็น
-ทำท่าทางประกอบการพูด
-เล่านิทาน
-ลำดับเรื่องตามนิน
-เรียงชื่อตามนิทาน
-เรียกชื่อและอธิบายลักษณะสิ่งของ
-จำและอธิบายสิ่งของ
-อธิบายขนาดและสีของสิ่งของ
ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการฟัง
- ฟังประกอบหุ่น
-ฟังและเเยกเสียง
-ฟังเสียงคำคล้องจอง
วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552
บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 7/01/2552
การจัดสภาพแวดล้อม
ควรจัดห้องเรียนให้สอดล้องกับเนื้อหาที่เราจะสอน และในการจัดห้องเรียนครจะมีการส่งเสริมภาษาให้กับเด็กโดยมีการจัดมุมต่างๆเช่น
1.มุมบ้าน มุมนี้เด็กก็จะเข้ามาเล่นใบมุมนี้เเล้วมีการพูดคุยกันเหมือนการอยู่บ้าน ทำให้เด็กได้มีโอกาสในการพัฒนาภาษาของเด็กได้
2.มุมหมอ มุมนี้ก็จะได้มีการเล่นบทบาทสมมติเป็นคนไข้ กับคุณหมอ ก็จะเป็นการฝึกภาษาพูดและภาษาเขียนไปในตัวเพราะการเล่นบทบาทเป็นหมอหรรือพยาบาลก็จะมีการสอบถามผูป่วย มีการนัดหมายผู้ป่วย เป็นต้น
3.มุมตลาด เด็กจะได้ฝึกการสนทนาสือสารดต้อตอบระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
4.มุมจราจจร เด็กจะได้เรียนรู้สัญลักษณ์จราจร
กระบวนการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็ก
ครูจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเด็กว่าเขาสามารถทำทำงานได้ พฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นเองซึ่งครูจะต้องสังเกตุ และครูจต้องระลึกว่าธรรมชาติขิงเด็กจะเกิดขึ้นพร้อมกับความสารถในการเรียนรู้มีสมองไว้คิด และมีประสาทสัมผัทั้ง 5 เพื่อการรับรู้ ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้เเละซึมซับสิ่งต่างๆได้เองตามธรรมชาติ
บทบาทของครู
ครูควรมีวิธีการในการเชื่อมโยงประสบการณืที่เด็กมีอยู่เดิมให้สัมพันธ์กับกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น การเล่าเรื่อง การเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย และครูควรหาหนังสือมาจัดไว้ที่ห้องเรียนเพื่อให้เด็กได้หยิบอ่านได้ตามความสะดวก
บรรยากาศในการสอนเเนวใหม่
เด็กจะเเสดงให้ครูเห็นว่า เขาต้องการเขียนสอ่งที่มีความหมาย สิ่งที่เขาอยากให้ผู้อื่นเข้าใจการเรียน ระยะเเรกจึงเป็นการที่เด็กสร้างความคิด ซึ่งเกิดจากประสบการณ์เดิมเด็กจะเขียนเส้นขยุกขยิกคล้ายตัวหนังสือ แต่ยังไม่ถูกตต้อง ครูครวส่งเสริมไม่ควรตำหนิเด็ก และให้เเก้ไขทันทีควรให้เด็กได้ฝึกสังเกตุสิ่งที่เด็กพบเห็นบ่อยๆ การสังเกตุจะช่วยให้เด็กเกิกการพัฒนาและปรับปรุงให้ถูกต้องดดยไม่เกิดความรู้สึกผิด
การประเมินผล
ครูพิจารณาจากการสังเกตุ การบันทึก การเก็บร่องรอยทางภาษาของเด็ก ขณะทำกิจกรรมต่างๆ และสะสมชิ้นงานเป็นการประเมินการเรียนรู้จากสภาพจริง และจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กมากว่าการใช้เเบบทดสอบทางภาษา
ควรจัดห้องเรียนให้สอดล้องกับเนื้อหาที่เราจะสอน และในการจัดห้องเรียนครจะมีการส่งเสริมภาษาให้กับเด็กโดยมีการจัดมุมต่างๆเช่น
1.มุมบ้าน มุมนี้เด็กก็จะเข้ามาเล่นใบมุมนี้เเล้วมีการพูดคุยกันเหมือนการอยู่บ้าน ทำให้เด็กได้มีโอกาสในการพัฒนาภาษาของเด็กได้
2.มุมหมอ มุมนี้ก็จะได้มีการเล่นบทบาทสมมติเป็นคนไข้ กับคุณหมอ ก็จะเป็นการฝึกภาษาพูดและภาษาเขียนไปในตัวเพราะการเล่นบทบาทเป็นหมอหรรือพยาบาลก็จะมีการสอบถามผูป่วย มีการนัดหมายผู้ป่วย เป็นต้น
3.มุมตลาด เด็กจะได้ฝึกการสนทนาสือสารดต้อตอบระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
4.มุมจราจจร เด็กจะได้เรียนรู้สัญลักษณ์จราจร
กระบวนการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็ก
ครูจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเด็กว่าเขาสามารถทำทำงานได้ พฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นเองซึ่งครูจะต้องสังเกตุ และครูจต้องระลึกว่าธรรมชาติขิงเด็กจะเกิดขึ้นพร้อมกับความสารถในการเรียนรู้มีสมองไว้คิด และมีประสาทสัมผัทั้ง 5 เพื่อการรับรู้ ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้เเละซึมซับสิ่งต่างๆได้เองตามธรรมชาติ
บทบาทของครู
ครูควรมีวิธีการในการเชื่อมโยงประสบการณืที่เด็กมีอยู่เดิมให้สัมพันธ์กับกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น การเล่าเรื่อง การเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย และครูควรหาหนังสือมาจัดไว้ที่ห้องเรียนเพื่อให้เด็กได้หยิบอ่านได้ตามความสะดวก
บรรยากาศในการสอนเเนวใหม่
เด็กจะเเสดงให้ครูเห็นว่า เขาต้องการเขียนสอ่งที่มีความหมาย สิ่งที่เขาอยากให้ผู้อื่นเข้าใจการเรียน ระยะเเรกจึงเป็นการที่เด็กสร้างความคิด ซึ่งเกิดจากประสบการณ์เดิมเด็กจะเขียนเส้นขยุกขยิกคล้ายตัวหนังสือ แต่ยังไม่ถูกตต้อง ครูครวส่งเสริมไม่ควรตำหนิเด็ก และให้เเก้ไขทันทีควรให้เด็กได้ฝึกสังเกตุสิ่งที่เด็กพบเห็นบ่อยๆ การสังเกตุจะช่วยให้เด็กเกิกการพัฒนาและปรับปรุงให้ถูกต้องดดยไม่เกิดความรู้สึกผิด
การประเมินผล
ครูพิจารณาจากการสังเกตุ การบันทึก การเก็บร่องรอยทางภาษาของเด็ก ขณะทำกิจกรรมต่างๆ และสะสมชิ้นงานเป็นการประเมินการเรียนรู้จากสภาพจริง และจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กมากว่าการใช้เเบบทดสอบทางภาษา
บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 19/12/2551
ลักษณะสำคัญและกิจกรรมทางภาษาแบบองค์รวมอ่าน
– เขียน เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบ คิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่
- การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียน และสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมด
มีหนังสือ วัสดุสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย
-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ
-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินความสามารถการอ่านของเด็กแต่ละคนไปด้วยพร้อมกัน ให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสเลือกอ่านหนังสือที่ชอบและยืมไปนั่งอ่านเงียบ ๆ
-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจ อย่างอิสระ ครูตรวจสอบสภาพการเขียนของเด็กแต่ละคนโดยการให้เด็กเล่าสิ่งที่เขียนหรือวาดให้ครูฟัง โดยครูอาจแนะนำการเขียนที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กพัฒนาการเขียนได้ด้วยตัวเด็กเองทุกวันโดยไม่มุ่งแก้คำผิดหรือทำลายความอยากเขียนของเด็ก
ความเชื่อมโยงภาษาพูดกับภาษาเขียน
ภาษาพูดกับภาษาเขียนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันโดย ความรู้เกี่ยวกับคำจะเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเราพูด เล่า สนทนาโต้ตอบกัน เราอ่านจากหนังสือประเภทต่าง ๆ อ่านจากป้ายในทุกหนทุกแห่งที่สนใจ จะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆไปพร้อมๆกันและช่วยให้เด็กมี ความรู้เพิ่มพูนขึ้น ทักษะการสนทนาจะพัฒนามากขึ้น ด้วยการพูดคุยกับพ่อแม่ เพื่อน ครู ในสถานการณ์หรือเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับตัวเด็ก เมื่อเด็กได้รับโอกาสในการแสดงออกโดยการพูด เด็กจะได้เรียนรู้จากสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง จากสิ่งที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง ซึ่งเด็กนำไปใช้เพื่อการสื่อสาร หรือแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรู้ความหมายในภาษาเขียน จุดสำคัญการส่งเสริมและพัฒนาภาษาคือการที่ผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ในขณะที่ครูอ่านไป เด็กจะมองตามตัวหนังสือและมักจะพยายามหาความหมายไปด้วยจากภาพหรือจากตัวหนังสือ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการรู้หนังสือ…
และอาจารย์ยังได้เสริมถึงเรื่องกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ทางภาษาได้
– เขียน เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบ คิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่
- การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียน และสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมด
มีหนังสือ วัสดุสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย
-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ
-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินความสามารถการอ่านของเด็กแต่ละคนไปด้วยพร้อมกัน ให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสเลือกอ่านหนังสือที่ชอบและยืมไปนั่งอ่านเงียบ ๆ
-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจ อย่างอิสระ ครูตรวจสอบสภาพการเขียนของเด็กแต่ละคนโดยการให้เด็กเล่าสิ่งที่เขียนหรือวาดให้ครูฟัง โดยครูอาจแนะนำการเขียนที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กพัฒนาการเขียนได้ด้วยตัวเด็กเองทุกวันโดยไม่มุ่งแก้คำผิดหรือทำลายความอยากเขียนของเด็ก
ความเชื่อมโยงภาษาพูดกับภาษาเขียน
ภาษาพูดกับภาษาเขียนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันโดย ความรู้เกี่ยวกับคำจะเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเราพูด เล่า สนทนาโต้ตอบกัน เราอ่านจากหนังสือประเภทต่าง ๆ อ่านจากป้ายในทุกหนทุกแห่งที่สนใจ จะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆไปพร้อมๆกันและช่วยให้เด็กมี ความรู้เพิ่มพูนขึ้น ทักษะการสนทนาจะพัฒนามากขึ้น ด้วยการพูดคุยกับพ่อแม่ เพื่อน ครู ในสถานการณ์หรือเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับตัวเด็ก เมื่อเด็กได้รับโอกาสในการแสดงออกโดยการพูด เด็กจะได้เรียนรู้จากสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง จากสิ่งที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง ซึ่งเด็กนำไปใช้เพื่อการสื่อสาร หรือแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรู้ความหมายในภาษาเขียน จุดสำคัญการส่งเสริมและพัฒนาภาษาคือการที่ผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ในขณะที่ครูอ่านไป เด็กจะมองตามตัวหนังสือและมักจะพยายามหาความหมายไปด้วยจากภาพหรือจากตัวหนังสือ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการรู้หนังสือ…
และอาจารย์ยังได้เสริมถึงเรื่องกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ทางภาษาได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)